
แม้วในความคิดของคนไทยในปัจจุบัน บ้างอาจจะหมายถึงคนภูเขาที่มีชีวิตความเป็นอยู่อย่างแร้นแค้น เป็นพวกทำไร่เลื่อนลอย บ้างอาจนึกไปถึงวิถีชีวิตแบบบรรพกาลที่เคยเห็นตามหนังภาพยนตร์ และบ้างก็ยังคิดว่าแม้วคือคนภูเขาที่เป็นคนละเผ่าพันธุ์กับตน และเห็นเป็นของแปลก พลาดไม่ได้ที่จะต้องไปท่องเที่ยวยังหมู่บ้านแม้ว ถ่ายรูปด้วยกันเป็นที่ระลึกสักหนึ่งใบ ซื้อของกระจุกกระจิกจากเด็กแม้วสัก2-3ชิ้นด้วยความสงสาร ทว่า ใครเลยจะคาดคิดว่า แม้ว ก็มีประวัติศาสตร์ที่น่าสนใจเป็นของพวกเขาเองเช่นกัน ชาวเขาเผ่าแม้ว เรียกตนเองว่า "ฮม้ง" หรือ "ม้ง" มีถิ่นกำเนิดดั้งเดิมไม่แน่ชัด มีข้อสันนิษฐานแตกต่างกันเป็นหลายทาง บ้างมีความเห็นว่า ชาวแม้วเป็นเผ่าพันธุ์อิสระหรือไม่ก็เป็นเผ่าพันธุ์ผสม มีข้อสันนิษฐานหนึ่งกล่าวว่า ถิ่นฐานดั้งเดิมของชาวแม้วอยู่ทางแถบเหนือของเอเชีย เมื่ออพยพลงใต้ได้ผสมกับเผ่าพันธุ์อื่น ๆ บ้างในช่วงของการอพยพ มีตำนานที่เล่าขานกันใน หมู่ชาวแม้ว ในประเทศจีน ว่าบรรพบุรุษของพวกเขาเคยอยู่ในพื้นที่ที่หนาวเย็นมาก ต่อมาจึงได้อพยพเข้าสู่อาณาเขตที่เป็นประเทศจีนปัจจุบัน อย่างไรก็ตาม หลักฐานจากเอกสารเก่าแก่ที่สุดของจีนที่กล่าวถึงชื่อแม้วประมาณ๔,๗๐๐ ปีก่อน ระบุว่ามีชาวแม้วอยู่ในลุ่มน้ำเหลืองแล้ว แต่การใช้ชื่อแม้วในเอกสารจีนอาจมีความสับสนอยู่บ้าง เนื่องจากในบางช่วงของประวัติศาสตร์ ชื่อแม้วได้ขาดหายไปจากเอกสารโดยมีคำว่า หมาน (คนป่าเถื่อนหรืออนารยะชน) มาใช้เรียกชนชาติอื่น ๆ ที่ไม่ใช่เชื้อสายจีน หลักฐานเหล่านี้ ยังได้กล่าวถึงการทำสงครามระหว่างชาวแม้วกับจีนเรื่อยมาจนกระทั่งมาถึงสมัยราชวงศ์หมิง (เหม็ง) ที่จีนได้ใช้กองทัพขนาดใหญ่รุกเข้าสู่พื้นที่ของชาวแม้ว อันเป็นเหตุผลักดัน ให้พวกเขา จำต้องอพยพหนีร่นลงมาทางใต้และตะวันตกเฉียงใต้ การปะทะกันยังเกิดขึ้นเรื่อยมาจนถึงสมัยราชวงศ์แมนจู ทำให้ส่วนหนึ่งที่ยอมอยู่ในอำนาจของจีนเกิดการผสมผสานกันมากขึ้น และอีกส่วนหนึ่งที่มีการหนีร่นลงทางใต้ จนเข้าสู่ทางตอนเหนือของประเทศเวียดนาม ลาวและไทย รวมทั้งเข้าสู่บางส่วนของรัฐฉานในพม่าด้วย คำว่า แม้ว หรือ เหมียว หรือ เมี่ยวในสำเนียงจีน มีผู้ลงความเห็นกันไปหลายทาง บ้างก็ว่าหมายถึงคนป่าเถื่อน บ้างก็ว่าหมายถึงคนพื้นเมือง และยังมีผู้กล่าวว่าเป็นการเรียกเปรียบเทียบกับเสียงของแมว เพราะภาษาพูดของพวกเขาฟังเหมือนเสียงแมวร้อง อย่างไรก็ตาม มีผู้วิเคราะห์คำว่าเหมียวในภาษาจีนว่าเกิดจากการผสมกันของคำสองคำ คือคำว่าต้นพืชอ่อนและคำว่าทุ่งนา จึงถูกอธิบายว่าเป็นต้นอ่อนที่เพิ่งเริ่มงอกในนา และมีการตีความว่าเป็นการหมายถึงคนพื้นเมือง คืออยู่มาก่อนพวกชาวจีน สำหรับคำเรียกชื่อกลุ่มของตนเองว่า ฮม้ง หรือ ม้ง ตามสำเนียงกลุ่มย่อยนั้น โดยทั่วไปพวกเขาไม่สามารถบอกความหมายได้ แต่มีผู้ให้ความหมายว่าหมายถึงอิสระชน ตามหลักฐานเอกสารจีนระบุว่านับตั้งแต่สมัยราชวงศ์หยวน (ค.ศ.๑๒๗๙-๑๓๖๘) ชาวแม้วแบ่งเป็นกลุ่มย่อย คือ แม้วดอก (ฮวาแม้ว) แม้วขาว (ไป่แม้ว)และแม้วน้ำเงิน (ชิงแม้ว) ต่อมาในสมัยราชวงศ์ชิงตอนต้น (ประมาณ ค.ศ.๑๖๔๔) เอกสารระบุว่ามีแม้วขาว (ไป่แม้ว) แม้วดอก (ฮวาแม้ว) แม้วน้ำเงิน (ชิงแม้ว) แม้วดำ (ไฮแม้ว)และแม้วแดง (หุงแม้ว) อย่างไรก็ตามมีผู้นับชื่อเรียกกลุ่มแม้วต่าง ๆ เป็นภาษาจีนว่ามีไม่น้อยกว่า ๕๐ ชื่อ ไปจนถึง ๘๐ - ๙๐ ชื่อในมณฑลไกวเจาแต่หากเป็นชื่อที่เรียกโดยภาษาแม้วเอง มีผู้ระบุว่ามีเพียง ๑๐ ชื่อเท่านั้น สำหรับกลุ่มย่อยของชาวแม้วในประเทศไทย สามารถแบ่งได้เป็น ๒ กลุ่ม คือ ๑) ม้งจั๊ว อาจแปลได้ว่าม้งเขียวหรือม้งน้ำเงิน ชาวแม้วกลุ่มนี้จะเรียกตนเองว่าม้งโดยไม่มีเสียง "ฮ" นำ พวกเขามักจะถูกเรียกในภาษาไทยว่า แม้วดำ แม้วลายหรือแม้วดอก ส่วนชาวแม้วอีกกลุ่มย่อยหนึ่งมักนิยมเรียกพวกเขาว่าฮม้งเหล่งซึ่งอาจแปลได้ว่าฮม้งลาย ๒) ฮม้งเด๊อ แปลว่าฮม้งขาว เป็นชื่อที่พวกเขาเรียกตนเองโดยมีเสียง "ฮ" นำ คำว่า "ฮม้ง" ชื่อเรียกเป็นภาษาไทยก็ใช้ว่าแม้วขาว เคยมีผู้เรียกกลุ่มนี้ว่าแม้วเผือก แต่ไม่เป็นที่นิยมจึงสูญหายไป ส่วนกลุ่มม้งจั๊วจะเรียกพวกเขาว่าม้งเกล๊อซึ่งก็เป็นคำเดียวกับฮม้งเด๊อเช่นกัน แต่ออกสำเนียงต่างกันไป อย่างไรก็ตามเคยมีผู้กล่าวว่ามีชาวแม้วอีกกลุ่มย่อยหนึ่งเรียกว่าแม้วกั่ว(ม)บ๊า อยู่ทางตอนเหนือของจังหวัดน่าน เมื่อ ๓๐ กว่าปีก่อน แต่มีจำนวนไม่มากนักและกำลังถูกกลืนโดยกลุ่มแม้วน้ำเงินในพื้นที่ อันที่จริงกลุ่มดังกล่าวเรียกตนเองว่าฮม้งกั่ว(ม)บ๊า หรือออกเสียงในสำเนียง ม้งจั๊ว ว่า ม้งกั่ว(ม)บั๊ง ซึ่งอาจแปลได้ว่า ฮม้งแขนปล้อง จัดเป็นส่วนหนึ่งของฮม้งขาวนั่นเอง เมื่อมีการอพยพของชาวลาวลี้ภัยเข้าสู่ประเทศไทย นับตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๑๘ เป็นต้นมา ในจำนวนผู้อพยพจะมี ฮม้งกั่ว(ม)บ๊า ร่วมอยู่ด้วย แต่ถือว่าเป็นชาวลาวอพยพที่ถูกจัดให้อยู่ตามศูนย์อพยพต่าง ๆ มิใช่ชาวเขาในประเทศไทย การจำแนกกลุ่มย่อยของชาวแม้วเหล่านี้ ทำได้ง่ายโดยการสังเกตเครื่องแต่งกายตามประเพณี และสำเนียงภาษาที่แตกต่างกัน
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น